Life is short then do what brings happiness to life. Not just me who always smile but I wish you smile too, when reaches my comfort zone.

Search This Blog

Sunday, May 29, 2011

จะถ่ายรูปสักรูป ปรับโหมดไหนดีน๊า?


กล้องดิจิตอล ทุกตัวจะมีโหมดให้ปรับถ่ายภาพที่เหมาะสมอยู่ แต่ละรุ่นจะมีปุ่ม แผง หรือ ที่ให้เลือกปรับโหมดพวกนี้ต่างกันไปบ้าง รุ่นจอสัมผัสก็ต้องเข้าไปปรับในฟังก์ชั่น กดเลือกที่จอ กล้องที่โอ้ทใช้ต้องเข้าไปที่ เมนู แล้วเลือก โดยทั่วไป กล้องจะมีปุ่มที่เห็นชัดๆๆ กดได้เลย เมื่อต้องการคือ แฟลช(รูปลูกศรลง ยักๆ) ตั้งเวลาถ่าย(รูปนาฬิกา) มาโคร(รูปดอกไม้) และ โหมด(เข้าไปเลือกโหมดที่ต้องการใช้ คือที่เรากำลังจะคุยกัน)
ภาพตัวอย่างโอ้ทถ่ายจากกล้องตัวใหญ่ เพราะกล้องตัวเล็กของโอ้ทต้องกดเข้าไปปรับในเมนู มาพูดถึงแต่ละตัวคร่าวๆๆกัน เป็นแนวทางเวลาเพื่อนๆ ถ่ายคราวต่อไปจะได้เลือกให้เหมาะกับประเภทของภาพเน่อะ
ปล. โอ้ทบอกคร่าวๆๆตามที่ตัวเองเข้าใจนะ เพราะปกติไม่ได้ใช้พวกนี้ จะใช้ M ปรับเองทุกค่า เพราะภาพจะออกมาตามที่เรากำหนดได้ดีกว่า ถ้าปรับได้เหมาะสม
  •  รูปคน ใช้ถ่ายคนนั่นเอง ไม่เห็นยาก (ฮ่าฮ่า) ที่ภาษาทางการเรียกว่า พอร์ตเทรตนั่นแหละ portrait  แม้ว่่าเราจะไม่ถ่ายคน จะถ่ายสิ่งมีชีวิตอื่นๆๆ หรือ แม้กระทั่งสิ่งของที่ไม่มีการเคลื่อนไหวเราก็เลือกตัวนี้จ้า อ่อ แล้วจุดโฟกัสเนี่ยต้องดวงตาเลยน่ะ ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ โฟกัสที่ตาใส เป็นประกาย และถ้าเราจัดมุมกล้อง ระยะห่างของแบบกับพื้นหลัง ได้ระยะเหมาะสม พื้นหลังจะเบลอร์จ้า
  • รูปวิว ใช้ถ่ายวิว  ในรูปจะเป็นภูเขา จะได้มุมกว้างขึ้น (ดูไม่รู้สักเท่าไรเน่อะ) ที่รู้มาเวลาถ่ายวิวเนี่ยจะโฟกัสอินฟินิตี้คือไม่ได้โฟกัสเฉาะเจาะจงที่ใดที่หนึ่ง กล้องจะปรับค่าอัตโนมัติให้เองภาพที่ออกมาจะชัดเท่ากันหมด
     เหมาะสำหรับถ่ายสวนดอกไม้ ที่ต้องการนำเสนอ ดอกไม้สีสันสวยงามทั้งสวน ที่โยโย่ถามไว้นะ
  • รูปคนวิ่ง ใช้ถ่ายกีฬา หรือ แบบที่เคลื่อนไหว โหมดนี้กล้องจะปรับสปีดชัตเตอร์ให้สูงอัตโนมัติ แต่ถ้าอยู่ในที่แสงน้อย กดชัตเตอร์ถ่ายแล้วช้ามากๆๆ นั่นหมายถึงกล้องเขาปรับค่ารูรับแสงให้ต่ำลง ชัตเตอร์แม้จะสูง ก็มีผลทำให้ช้าเหมือนกัน เวลากดถ่ายถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ห้ามขยับกล้องจนกว่าจะได้ยินเสียง กริ๊ก ว่ากล้องได้ทำการถ่ายภาพแล้ว ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นภาพสาย ไม่มีอะไรเลยนะจ่ะ
  • รูปคน มีดาวด้วย ใช้ถ่ายภาพกลางคืน แต่เป็นภาพที่ไม่เคลื่อนไหวน่ะ
  • รุปพลุ เอาไว้ถ่ายพลุ
  • โหมด P เป็นโหมดที่ปรับค่าได้บางตัว ISO  จุดโฟกัส (จะบอกต่อไป) ปรับชดเชยแสง (EV)  white balance(ประเภทแสงเช่น แสงดวงอาทิตย์ แสงนิออน) แต่ปรับสปีดชัตเตอร์ กับ รูรับแสงไม่ได้
เพื่อนๆ จะถ่ายอะไรก็เลือกโหมดตามนี้ เบื้องต้นจ่ะ ถ้ามีโหมดอะไรแปลกๆๆ ถามมาจะหาคำตอบให้ หรือถ้ารู้ก็เอามาบอกต่อนะ จะได้เป็นข้อมูลเพื่อนๆๆด้วย ปรับโหมดตามนี้ ภาพจะออกมา สวยกว่าถ่ายอัตโนมัติ

จากนี้ก็ตามสะดวกของเพื่อนๆ จ้า ส่วนหมวดอื่นๆๆ M AV TV และ อื่นๆๆ ต้องรู้จัก 3 ก๊กนั่นแหละ

" ป่า "

ฝีกโฟกัส  มาโคร  จะทำโปเก้ด้วยก็ได้ตามสะดวก ให้ถ่ายภาพดูแล้วได้อารมณ์ "ป่า" จะสร้างภาพ หรือจะเข้าป่าจริงๆๆ ไม่ว่ากัน ภาพที่โอ้ทถ่ายมา สร้างเอง ถ่ายจากสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่นในหมู่บ้าน กับ ที่บ้านตัวเอง จับภาพเปลือกไม้ ใบไม้แห้ง ยอดไม้ ยอดใบไม้ที่โผล่ออกมาจากต้นไม้   ถ่ายมาเยอะๆๆเลยนะ ลงอย่างน้อย 10 ภาพ อย่างมาก ไม่เกิน 200 ภาพ ตามพิกัดของเฟสบุ๊คต่อ... หนึ่งอัลบัมจ้า


ข้อห้าม ไม่เอาภาพดอกไม้
ขอบใจเพื่อนๆๆที่มาหัดถ่ายรูป แล้วเอาภาพมาแบ่งกันดูค้าบบบ


"น้องมด" (ยากมาก)

ภาระกิจที่หก ยากมาก โอ้ทพยายามาสองสามเดือนแล้วยังไม่สำเร็จสักที เนื่องจาก น้องมดไม่ยืนนิ่่ง หากกล้องใครที่ปรับสปีดชัตเตอร์ไม่ได้เหมือนกล้องโอ้ท มีแต่ตายกะตาย ฮ่าฮ่า แต่โอ้ทไม่ยอม ตามต่อไป วันนี้ไปยืนอยู่โคนต้นไม้ที่สวนหน้าหมู่บ้านตามเล็งเจ้ามดน้อยนี่เป็นชั่วโมงจนหน้ามีด ปรับมาโครถ่าย

 ดูภาพที่นี่จ่ะ  ไม่สำเร็จเหมือนกัน เพราะกล้องปรับสปีดชัตเตอร์ไม่ได้ ทั้งหมด ได้ดีมา 2 ภาพ


" หยดน้ำ "

ภารกิจที่ห้า มาถ่ายหยดน้ำกันดีกว่า ดูแล้วสดชื่่น โดยการใช้มาโคร ตามนี้จ้า

1. ถ้าฝนไม่ตกไม่ต้องตกใจ สร้างเอาเองโลด
2.จะถ่ายบนกลีบดอกไม้ ใบไม้ หรือ บนวัตถุอื่นๆๆ หลังมือ ฝากระป๋อง อะไรก็ได้ตามแต่จะคิดเอานะเพื่อนๆๆ
3.จัดการ ปรับมาโคร แล้ว หมุนหามุม ให้รอบๆๆ เอาให้เจอว่าพิศดารเลยนะ อิอิ แล้วโฟกัสแม่นๆๆ มือนิ่งๆๆ แล้วถ่ายมาโลดดดดดดดดดดดด

... งานนี้อยากถ่ายกี่ภาพตามสบาย แต่ขอมาอวดเพื่อนๆ อย่างน้อย 10 ภาพ แต่อย่าเกิน 200 ภาพน่ะ เพราะเฟสบุ๊ครับได้อัลบัมละไม่เกิน 200 ภาพ ดูภาพตัวอย่างของโอ้ทที่นี่ โอ้ทรดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วก็สร้างภาพ เพราะแดดแรงวันนี้ไม่มีฝน








Monday, May 23, 2011

วางพระเอก นางเอกตรงไหนดี?

เพื่อน ๆ สังเกตไหมเวลาเราถ่ายภาพแต่ละภาพจะจับโฟกัสตรงกลาง แล้วก็กดแชะ รูปออกมาก็จะเห็นพระเอก นางเอกเราอยู่ตรงกลางทุกภาพ ดูไปนาน ๆ ก็ทำให้เบื่อได้เหมือนกันเน่อะ แต่เรากลุ่มกล้องคอมแพค ก.ศ.น พัด ตะ นา แล้ว  เรามาจัดพระเอก นางเอกของเรากันดีกว่า ให้ดูน่าสนใจมากขึ้น ทำไง?  อยากรู้แล้วละซิ




  • กล้อง(โอ้ทเชื่อว่าทุกตัว) จะมีฟังก์ชั่นให้ปรับช่องตารางเหมือนตารางเล่น เอ็กซ์ โอ ภาษาวงการเรียก กริดไลน์ เส้นกริด Grid (หากกล้องของใครมีตารางเส้นละเอียดกว่านี้ไม่ต้องตกใจ เพราะกล้องคุณสมบัติยิ่งสูง จะมีตารางที่ละเอียดด้วย)  วันนี้จะได้รู้ละว่าเจ้าเส้นนี้มีไว้ทำไม โอ้ทก็ไม่รู้มาก่อนเหมือนกัน มารู้ตอนศึกษานี่แหละ เจ้าเส้น หรือตารางเอ็กซ์ โอ เอาไว้ช่วยให้จัดระเบียบ วางพระเอก นางเอกของเราในตำแหน่งที่ดูแล้ว ทำให้ภาพน่าสนใจกว่า วางไว้ตรงกลาง เพื่อนๆ เปิดกล้องตัวเองดูตามไปด้วยก็ได้  

  • จากภาพ จะเห็นจุดที่เส้นตัดกัน สี่จุด นี่ละที่เราจะเอาพระเอก นางเอกวางไว้ แต่จะวางตรงไหน เราก็พิจารณาให้ภาพดูสวย โดยให้พื้นที่ด้านหน้าของพระเอก และ นางเอกของเรา มีมากกว่า ด้านหลัง จะมองแล้วได้อารมณ์มากกว่า แต่บางภาพ ด้านหลังมีพื้นที่มากกว่าด้านหน้าก็ได้อารมณ์มากกว่า เช่น ถ่ายรูปเด็ก หรือ คนวิ่ง หรือนั่ง เดินหันหน้ามาทางเรา แล้วด้านหลังเห็นแนวทะเล และ หาดยาวไปสุดตา เราต้องดู และคิดไปด้วยว่า เราต้องการสื่ออะไรในภาพ  ดูแล้วมีเรื่องราวในภาพนั่นเอง  คิดว่าเพื่อน ๆ คงเคยได้ยิน ว่าภาพบอกเรื่องราว 



  • เพื่อนๆๆ คงมีคำถามว่า โฟกัสอยู่ตรงกลาง แล้วจะเอาไปวางที่จุดยังไงล่ะ? สำหรับกล้องที่ เลื่อนจุดโฟกัสไม่ได้ เราทำโดยการล๊อกโฟกัสไว้ก่อน เมื่อดูภาพแล้วว่าจุดที่ล๊อกไว้ภาพชัด เราอย่าเพิ่งกดถ่ายให้ล๊อกค้างไว้ (ตรงนี้ต้องระวังมากๆๆ สำหรับมือใหม่เพราะนิ้วหลุดต้องกลับมาล๊อกใหม่นะจ่ะ) แล้วขยับกล้อง จัดการให้พระเอก นางเอก อยู่ตรงจุดใดจุดหนึ่งที่เราคิดว่า ภาพจะออกมาน่าสนใจ ตามที่เล่าไว้ด้านบน แล้วก็ถ่ายได้  สังเกตว่าเมื่อล๊อกโฟกัสแล้ว เราเลื่อนเพื่อวางตำแหน่งให้พระเอก นางเอก จุดที่เราล๊อกไว้แล้วยังชัดอยู่ แต่ถ้าไม่ชัด สรุปได้เลยว่า โฟกัสหลุดระหว่างทางค้าบบบบบบบ
  • อ่อ อีกนิด เกือบลืม ต้องมองดูในกรอบ จอดีๆ ว่าไม่มีอะไร รกตา ที่ทำให้เรื่องราวในภาพไม่น่าสนใจ เช่น ถังขยะเป็นต้น ฮ่า ฮ่า 
  • หัดไปเรื่อยๆๆ ก็จะมองเป็นเองนะว่าอะไรที่น่าเก็บไว้ในภาพ หรือ อะไรไม่น่าเก็บ ตอนโอ้ทหัดใหม่ๆๆ ก็ คิดไม่ออกว่าจะเอาอะไรใส่ในภาพบ้างถึงจะดูดี  คืออะไรที่ไม่ดึงความสนใจของคนดูจากการมองพระเอก นางเอกในภาพไปนั่นเอง

Friday, May 20, 2011

ฉากโปเก้

ภาระกิจที่สี่ ...ต่อเนื่องทำฉากหลังเบลอร์ กับ โฟกัสเลย เอามาใช้ด้วยกัน แต่ครั้งนี้เพื่อนๆ จะตื่นเต้นเล็กน้อย (หรือ โอ้ทตื่นเต้นคนเดียวก็ไม่รู้น่ะ) มาหัดทำฉากโปเก้ให้ภาพกันดีกว่า โปเก้คือแสงกลมๆๆ ที่เห็นด้านหลังแบบนะแหละ ทำอย่างไร ...ตามนี้ ถ่ายกี่ภาพตามสบาย เอามาแบ่งกันชม นะ อย่าลืม สีสัน อย่ากลืนกัน ระหว่าง แบบกับ ฉาก ไม่เช่นนั้น ไม่เด่น เพราะกล้องคอมแพคเขาไม่เก่ง

1. หาแบบที่จะถ่าย และต้องถ่ายวันที่มีแดดด้วยนะ ฟ้ามืดไม่เกิดแน่ๆๆ หรือ ยาก
2. หาสถานที่ ให้ด้านหลังของแบบ มีช่องน้อยๆๆ เยอะๆๆ ยิ่งดี เพื่อให้แสงลอดผ่านเข้ามาตามช่องได้ เช่น ต้นไม้ใบเยอะๆๆ เป็นต้น เท่าที่นึกได้
3. หาตำแหน่งที่วางแบบ แล้ว จัดการ ซูม โฟกัส โดย ให้ ด้านหลัง ส่องไปตรงช่องที่แสงลอดผ่านมาได้ จะเห็นว่า มีวงกลมๆๆ เหลี่ยมๆๆ ไม่เป็นไร มันมีปัจจัย ไว้โอ้ทหาข้อมูลมาเล่าอีกที
4. กด แชะเลยจ้า



ถ่ายใกล้ๆๆ...มาโคร

เพื่อนๆ เห็นปุ่มปรับถ่ายมาโครที่กล้องตัวเองกันแล้วนะ  ถ้าเป็้นกล้องที่ปรับค่าอะไรไม่ได้ ก็เลือกที่รูปดอกไม้ ถ้าเป็นกล้องที่ใช้โหมด แฟนซีได้ พวก A T M นี่แหละ จะมีฟังก์ชั่นเข้าไปให้ปรับมาโครต่างหาก ลองหาดูว่าอยู่ไหน แต่ถ้ายังหาไม่เจอ ก็ใช้รูปดอกไม้ถ่ายไปก่อน แต่ถ้าหาเจอแล้วจะทำให้ได้สีสัน สวยกว่าเพราะเราปรับเอง ถ้าปรับได้เหมาะนะจ่ะ... หาได้แล้ว อย่าเพิ่งรีบไปส่องซิ ...ไม่ใช่ปรับปุ๊บ เอาละว่ะ มาโครถ่ายใกล้ จ่อสุดๆๆ ใกล้เต็มที่ กดชัตเตอร์แชะ...เบลอร์เต็มๆๆ อ้าว! ก็โอ้ทบอกปรับรูปดอกไม้ แล้วถ่ายใกล้ได้....โอ้ทซวยเลย...แว๊กกกกกกกกกกก
  • กล้องแต่ละตัวจะมีความสามารถเข้าใกล้แบบ หรือ วัตถุ สิ่งทีเราต้องการถ่ายได้ไม่เท่ากัน อย่างกล้องโอ้ทใกล้ได้ 1 เซ็นติเมตร  กล้องบางคน ได้ 5 เซ็นติเมตร โอ้ทไม่รู้ว่าทั่วๆ ไปใกล้ได้กี่เซ็นติเมตร เพราะไม่เคยหาอ่าน จะรู้แต่กล้องของตัวเอง เพราะเวลาปรับจะบอกไว้ กล้องโอ้ทจะปรับมาโครได้ สองระดับ คือแบบมาโครธรรมดา ใกล้แบบห่าง (แต่ใกล้กว่าถ่ายปกติ) กับอีกระดับ ใกล้ 1 เซ็นติเมตร
  • สังเกตว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าระยะไหนที่มาโครได้ ? เมื่อปรับไปที่มาโครแล้ว ให้เอากล้องไปส่องที่แบบ/วัตถุ/สิ่งที่เราต้องการถ่าย แล้ว ล๊อกโฟกัส (เห็นไหมว่าล๊อกโฟกัสสำคัญ ออกงานทุกงาน) ดูว่าชัดหรือยัง ถ้าไม่ชัดนั่นหมายความว่า ระยะไม่ได้ ต้องขยับ ถ้าจ่อใกล้มากไป ก็ถอยออก ถ้าถอยออกมากไป ก็ไม่ชัดต้องขยับเข้า ไม่ง่าย ต้องใจเย็น แต่เมื่อเข้าใจ รู้ระยะมาโครของกล้องตัวเองแล้ว ต่อไปก็หมูๆๆ กล้วยๆๆ
  • เมื่อได้ระยะแล้ว ล๊อกโฟกัสแล้ว ก็ ถ่ายได้แล้วค้าบบบบบบบบบบบบบบบ






Thursday, May 19, 2011

แฉลับ 3 ก๊ก เป็นกิ๊กกัน

เพื่อนๆ อยากรู้กันใช่ไหมว่า 3 ก๊ก เขาเป็นกิ๊กกัน ยังไง มาๆๆๆ โอ้ทจะแฉ... แต่เรื่องนี้จะเล่ายากหน่อยเพราะ ซับซ้อน ถ้าเล่าแล้ว งง ถามกันใหม่นะค้าบบบบบบบ
ISO  ค่าF หรือ รูรับแสง (Appeture) และ สปีดชัตเตอร์ (Speed Shutter) มีความสัมพันธ์ และ มีผลต่อภาพ
  • ISO ถ้าถ่ายภาพปกติทั่วไปจะตั้งไว้แล้วไม่ต้องแตะอีกเลย นอกจากสถานการณ์แสงน้อยจริงๆๆ ซึ่งไม่ต้องการใช้แฟลช ต้องปรับ ISO ขึ้น จะทำให้ภาพขาวขึ้น ยิ่งปรับสูงยิ่งขาว (โอ้ทไม่เรียกสว่าง แต่ในวงการเรียกสว่าง ก็ภาพออกมาขาวนี่นา ไม่สว่างใส) ฉะนั้นต้องระวังดีๆๆ หากถ่ายในวันแดดจ้า แล้วปรับค่า รูรับแสงไว้ที่กว้างแล้ว ดันลืมว่าปรับ ISO ไว้สูง เพื่อนๆๆ อาจจะได้ภาพสีขาวววววววววววววววว มองอะไรไม่เห็นเลยได้ เพราะโอ้ททำมาแล้ว แบบนี้...ฮ่าฮ่า แล้วยิ่งสปีดชัตเตอร์ต่ำด้วยละก็ ไม่ต้องบอกเลย ยิ่งกว่าขาวววววววว จั๊วะซะอีก ถ้าไม่เชื่อ เพื่อนๆๆ ที่กล้องปรับค่า 3 กิ๊กได้ ลองปรับแล้วถ่ายภาพดูด้วยตาตัวเอง แต่ต้องเป็นวันแดดดีด้วยน่ะ แล้วปรับISO สูง รูรับแสง เลขน้อยที่สุด และ สปิดชัตเตอร์น้อยๆๆ
  • คราวนี้เรามาสมมุติว่าเราจะถ่ายภาพ ดอกไม้กันดีกว่า...วันแดดสวย ลมไม่พัด ดอกไม้อยู่นิ่งเชียว ไม่มีอุปสรรค งั้นเรามาปรับกล้องกัน  ISOปรับไว้แล้วที่ 100 หรือค่าที่ต่ำสุดของกล้องหากสูงกว่า 100 บางรุ่นต่ำสุด 125 ก็ปรับไว้ที่ 125 แต่ถ้าปรับต่ำกว่า 100 ภาพจะมืดลง พิจารณาตามเหมาะสมก็ได้ ทั่วไปกลางๆๆปรับไว้ที่ 100 จากนั้นมาวัดแสง โดยการมองที่จอ LCD หรือ ช่องมองภาพ  แล้วปรับสปีดชัตเตอร์ เราถ่ายดอกไม้อยู่นิ่ง ก็ใช้สปีดชัตเตอร์ปกติ 1/60-1/80 แล้วค่อยมาปรับรู รับแสงค่ารูรับแสง F ไปจนกว่าจะเห็นว่าไม่มืดเกินไป หรือ สว่างเกินไป จากประสบการณ์กล้องที่ใช้ ดูจอ LCD ต้องให้มืดกว่าเล็กน้อย เวลาโหลดดูภาพใหญ่ในคอมฯ สีจะสวยพอดี ถ้ากล้องมี EV บอก ก็ให้ต่ำกว่า 0( ศูนย์ ) เล็กน้อย  (EV ยังไม่พูดถึงเน่อะ รู้ไว้ว่าเป็นการชดเชยแสง เพราะโอ้ทยังไม่รู้เยอะมาก ) ในสถานการณ์นี้ ถ้าเพื่อนๆ ยัง งง ปรับไม่ถูก แต่ไม่อยากใช้โหมดอัตโนมัติ ให้ใช้โหมด A  หรือ T(S) ก้ได้ ปรับค่าเดียว
  • ในทางตรงข้ามกันถ้าถ่ายภาพเคลื่อนไหว( ISO ไม่ปรับ) เช่นกระรอก เขาไม่อยู่นิ่ง จะขยุกขยิก เคลื่อนไหวตลอดเวลา เราต้องปรับสปีดชัตเตอร์เป็นหลัก เท่าไรดี ลองก่อน 1/100 ถ้ายังไม่ได้ คือถ่ายแล้วยังมีเป็นสายอยู่ ต้องปรับขึ้นอีกให้กดถ่ายแล้ว ทุกอย่างเห็นชัด เช่นกระรอกกำลังเกาคาง กดตอนเกา จะเห็นเท้าหยุดกางอากาศ  แต่ถ้าต้องการให้เห็นภาพว่ากำลังเกาเคลื่อนไหว จะเป็นเป็นสายตรงขาที่เกา ก็ต้องปรับน้อยลง ...(ตรงนี้เพื่อนๆ ๆน่าจะ งง อธิบายยาก ต้องไปลองทำ) พอปรับสปีดชัตเตอร์แล้ว มาวัดแสงบ้าง มองจอ LCD ดูว่า ต้องปรับ ให้กว่้างหรือแคบ เพราะสปีดชัตเตอร์ยิ่งสูง แสงเข้าได้น้อย ต้องปรับ รูรับแสงช่วยกัน แต่ถ้าปรับรูรับแสงกว้างสุดแล้วยังมือ ตอนนี้ล่ะ ได้ปรับ ISO ถ้าไม่อยากใช้แฟลช (แฟลชต้องปรับระยะให้เหมาะสมด้วย แล้วค่อยเล่าต่อไป)

ยากเน่อะ ค่อยๆๆ อ่าน แล้ว ทำตามไป เห็นภาพ รู้ว่าปรับยังไง ก็จะค่อยๆๆ เข้าใจเองนะเพื่อนๆๆ อีกอย่าง สภาพแสงน้อยจะมีผลให้สปีดชัตเตอร์ช้าลง ในบางสถานการณ์แสงน้อยมาก จนทำให้สปีดชัตเตอร์ที่ปรับไว้สูง(เร็ว) แล้ว ยังช้า ไม่ต้องตกใจถ้าสปีดชัตเตอร์ช้า เมื่อถ่ายแล้วอย่ารีบขยับกล้องให้ค้างไว้จนกว่าเสียงชัตเตอร์จะดังคลิ๊ก เพราะเมื่อชัตเตอร์ช้า กดปุ๊บเสียง คลิ๊ก ยังไม่ดังทันที เหตุการณ์นี้หากขยับกล้อง ภาพที่ออกมาจะเสียเลย เคยไหม ถ่ายรูปคน กดชัตเตอร์ปุ๊บ นึกว่าถ่ายแล้ว ขยับกล้อง ดูภาพ อ้าวทำไมติดถนน ฟะ...ก็กล้องยังไม่คลิ๊กถ่ายเลย ขยับก่อนไงค้าบบบบ

  • ปรับค่าต่างๆๆได้แล้ ล๊อกโฟกัส ถ่ายได้จ้า
สรุปว่า 3 ก๊ก ยังคงกิ๊กกันอยู่ ณ ปัจจุบัน

ปรับแสงให้สมดุล

เพื่อนๆ คงสงสัยกันบ้างละน่ะ ว่าทำไมถ่ายภาพออกมาแล้วสีแดง เหลือง ไม่ใสเลย อย่างบ้านโอ้ทไม่มีไฟนีออน หลายๆๆบ้านในอเมริกาคงจะเหมือนกัน มีแต่ไฟหลอดสีนวล เหลือง แม่บ้านอย่างเราจะชอบถ่ายภาพอาหาร แต่ทำไมออกมาสีไม่สวยเลยล่ะ ก็ไฟในครัวมันเหลือง แล้วจะทำอย่างไรกันดี.....ไม่อยากจ่ะ ทำแบบนี้นะ



เพื่อนๆๆสำรวจปุ่มต่างๆๆ ทำความรู้จักกล้องกันมาแล้ว ตั้งแต่แรก (ใครที่ยังไม่รู้ก็รีบทำความคุ้นเคยกับกล้องตัวเองซะ ไม่งั้นเขาจะดื้อไม่เชื่อฟังนะจะบอกให้) เพื่อนๆ เปิดที่โหมดประเภทแสง โอ้ทจำไม่ได้ว่าภาษาอังกฤษ และ ภาษาในวงการเรียกไวท์บาลานซ์ (White Balance)



แสงอาทิตย์(ดวงอาทิตย์) ภาษาอังกฤษเรียก Daylight (เดย์ไลท์) เลือกใช้วันที่แดดดี ฟ้าใส

แสงในร่ม Shade(เฉด) จะไม่สว่างเหมือนแสงอาทิตย์ แต่ออกสีขุ่นเล็กน้อย

แสงไฟกลม (เรียกหลอดกลมหรือเปล่า) Tungsten Light (ทังสเตนไลท์) จะออกสีอมฟ้านิดๆๆ

แสงนิออน Fluorescent light (ฟลูออเรสเซ่น ไลท์) สีจะเหมือนไฟนีออน ขาวนวล

อัตโนมัติ AWB (Auto White Balance) โอ้ทจะปรับในสถานการณ์ที่ปรับทุกตัวแล้วสียังดูไม่สวย ประมาณว่าไม่รู้จะปรับตัวไหนดี ใช้ตัวนี้เลย





ถ้าหากปรับแสงได้เหมาะสม ภาพจะออกมาสีใกล้ธรรมชาติ แต่หลายๆๆคนจะปรับแสงให้เป็นศิลปะ ก็ตามชอบ เช่นถ่ายแดดจ้า แต่อยากได้สีน้ำตาลหน่อยหรือ เหลืองก็ปรับที่แสงไฟกลม หรือ แสงในร่ม ดูในจอ LCD เวลาเลือกแต่ละประเภทสีจะเปลี่ยนไป โอ้ทยังจำไม่ได้แม่น ขณะเขียนนี้ก็เปิดกล้องดูไปด้วย







ตอนนี้เพื่อนๆๆ ก็รู้แล้วนะว่าทำยังไงให้ภาพออกมาสีธรรมชาติที่สุด







ยกตัวอย่าง ทุกครัั้งที่โอ้ทถ่ายอาหารในครัวแสงหลอดกลมจะเป็นสีน้ำตาล ต้องปรับไปที่หลอดกลม กล้องจะปรับให้เป็นสีธรรมชาติใกล้ความจริงที่สุด

ภาระกิจสาม โฟกัส ล๊อกโฟกัส ซูมฉากหลังเบลอร์

ภาระกิจที่สาม ให้เพื่อนๆหัดล๊อกโฟกัส รวมกับภาระกิจที่สองหลังเบลอร์ และ ถ่ายรูปมาดูกันอยากถ่ายกี่รูปตามสบายเลย แต่เอามาแบ่งกันดูคนละ 4-10 ภาพเหมือนเดิม กติกาตามนี้

1. หาแบบ หรือ สิ่งที่ถ่าย สองชิ้น จัดวาง จัดวางแบบในระยะห่างต่างกัน ใกล้ และ ห่าง
2. วางแบบตามชอบ ให้โฟกัสสลับชิ้นกัน ถ้ากล้องทำได้จะเห็นชิ้นโฟกัสชัดกว่าชิ้นที่ไม่โฟกัส ถ้ากล้องคุณสมบัติไม่ถึง ไม่เป็นไร
3. ถ่ายโฟกัส ชิ้นหน้า
4.ถ่ายโฟกัสชิ้นหลัง

กล้องแต่ละตัวคุณสมบัติต่างกัน ผลออกมาแบบไหนไม่ซีเรียสขอให้โฟกัสแจ่มๆๆพอ แล้วหลังเบลอร์ด้วย จะให้เบลอร์ทุกภาพ หรือบางภาพก็ได้ แต่ต้องมีทั้งเบลอร์ และ โฟกัส

ดูภาพโอ้ทฝีกถ่าย


ซูม ทำฉากหลังเบลอร์กันดีกว่า

ภาระกิจที่สอง ติ่งต่างว่าเพื่อนๆๆรู้จักซูมกล้องนะ ถ่ายมาดูกันหนุกๆๆ ซิว่าทำได้กันอะป่าว ขอบอกว่า เมื่อตัวเองเห็นภาพที่ตัวเองถ่าย สำหรับคนที่ไม่เคยถ่าย และไม่รู้ว่าทำยังไง เชื่อว่าต้องดีใจ และร้องอ๋อเลย จะถ่ายกี่ภาพตามสบาย ให้เอามาลง 4-10 ภาพนะ ทำตามนี้นะจ่ะ

1. หาของอะไรก็ได้มา หนึ่งชิ้น เอาชิ้นเดียวก่อนง่ายๆๆ
2. หาสถานที่ ฉากหลังเรียบๆๆ ไม่รก จะได้เห็นชัดๆๆ
3. วางของไว้ แล้วซูมกล้อง
4. เอากล้องส่องที่ของ แล้วหาตำแหน่ง ให้ของที่เราวาง ดูที่เราคิดว่าสวย
5. ขยับกล้องให้มองเห็นฉากด้านหลังด้วย ว่าเบลอร์แล้วๆๆๆๆๆ
6. กดชัตเตอร์ โฟกัส ของที่เราถ่าย ได้แล้วกดถ่ายเลย

ปล. ถ้าใครถ่ายมาของไม่ชัดไม่ว่ากันจ่ะ เพราะยังไม่ได้บอกว่า ล๊อกโฟกัสทำไง เรามาทำฉากหลังเบลอร์แบ่งกันดูก่อน อ่อ กล้องใครปรับได้ จะใช้โหมด ปรับไม่ว่ากันนะ หรือจะใช้ออโต้ก็ไม่ว่า แต่ห้ามใช้มาโคร เน้นซูมๆๆๆ

ดูภาพที่โอ้ทถ่ายมาตะกี้นี้ ไม่มีการปรับแต่ง กล้องโอ้ทปรับอะไรไม่ได้ อัตโนมัติจริงๆๆ


ดูชัดๆๆ ว่าเบลอร์จริงๆๆ

ทำความรู้จักกล้องตัวเอง แล้วแนะนำให้เพื่อนรู้จักด้วย

ภาระกิจแรก หลังจากเพื่อนๆ ทำความรู้จักกล้องตัวเองเป็นอย่างดี ไหนพากล้องคู่กายมาแนะนำให้เพื่อนๆ สมาชิกได้รู้จักด้วยซิค่ะ ขอรายละเอียดด้วย ตามตัวอย่างที่โอ้ทใส่ไว้เลยนะค่ะ....หวังว่าจะไม่ยากเกินไปน๊า..:-)

โฟกัส ล๊อกโฟกัส ทำยังไง?

ต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า โอ้ทเล่าวนไปวนมา เพราะนึกอะไรได้ก็จะเล่า เลยไม่ได้เรียงลำดับว่าอะไรควรจะรู้ก่อน หลังเพื่อนๆๆ ค่อยทะยอยอ่านตาม และ ฝีกถ่ายกันไปน่ะ สัญญาว่าไม่อมภูมิ มีอะไรรู้อะไรจะคายออกให้หมดเลย...


พูดถึงโฟกัส สำคัญมาก มากกว่า การปรับค่าก็ว่าได้มั้ง สำหรับความคิดส่วนตัวของโอ้ทเอง เพราะถ้าโฟกัสไม่ได้ ภาพออกมามีแต่เสียกับเสีย แต่ถ้าปรับแสงไม่เหมาะสมยังพอแก้ไขได้ในโปรแกรมตกแต่งภาพ หรือถ้า ปรับค่าอะไรไม่เป็นเลย ยังใช้โหมดสำเร็จรูปถ่ายได้ แต่ก็อีกไม่ว่าโหมดไหนถ้าโฟกัสไม่ได้ ภาพก็เสียอยู่ดี แล้วทำไง?วันนี้เล่ากันแบบพื้นๆๆ ง่ายๆๆ ไม่ต้องพิธิรีตองมากเรื่องนะ...โอ้ทจะบอกให้

เวลาเพื่อนๆๆ กดชัตเตอร์ถ่ายภาพ เห็นไหมว่ามีกรอบสี่เหลี่ยมโชว์ที่จอ LCD ด้วย เมื่อครั้งที่โอ้ทยังไม่รู้หลักการถ่ายภาพเลย ก็สงสัยว่าสี่เหลี่ยมเนี่ยมีไว้ทำไมหว่า กดชัตเตอร์จะต้องมีทุกครั้ง แล้วไม่เคยอ่านคู่มือกล้องอีกด้วย วันนี้รู้กระจ่างแจ้งว่า มันคือจุดโฟกัส เมื่อเราโฟกัสกล้องจะมีเสียงดัง ดิ๊ด บอกว่า จับโฟกัสได้แล้วนะ พร้อมถ่าย...แต่ไม่ง่ายแค่นั้น


เพื่อนๆๆ คงได้ยินคนถ่ายภาพพูดว่า "หลุดโฟกัส หรือ โฟกัสหลุด" โอ้ทจำได้ว่า สงสัยว่ามันหลุดยังไง ทำไมถึงหลุด

โฟกัสหลุดคือ จับโฟกัส ณ จุดที่ต้องการจับไม่ได้ แต่ไปอยู่ที่อื่น ผลที่ได้คือ สิ่งที่ต้องการถ่ายเบลอร์คับพี่น้อง ..คนที่ไม่รู้มาก่อน ร้อง อ๋อ เลยละซิ....เค้ารู้ :-) แล้ว ทำไงดีล่ะ? ก็ต้องล๊อกโฟกัสก่อน วิธีคือ


1. เล็งกล้องไปที่แบบที่จะถ่าย กดชัตเตอร์ครึ่งนึง ใครมือหนัก ทำไม่ได้ ก็ต้องฝีกๆๆ ให้กดครึ่งนึงให้ได้ กดครึ่งนึงหมายถึงยังไม่กดถ่ายนั่นเอง จะค้างไว้ก่อน ผลที่ได้คือกรอบสี่เหลี่ยมโฟกัสเนี่ย จะเปลี่ยนสี อาจจะเขียว แดง น้ำเงินก็ว่ากันไปตามที่กล้องแต่ล่ะรุ่นตั้งค่ามาจากโรงงาน และ จะมีเสียงติ๊ดด้วย หรืออาจไม่มี ไม่เป็นไร ให้สังเกตุว่าโฟกัสได้ กรอบจะเปลี่ยนสี


2. กดนิ้วค้างไว้ที่ชัตเตอร์ก่อนอย่าเพิ่งกดถ่าย เรามองดูในจอLCD ให้แน่ก่อนว่า สิ่งที่จะถ่ายชัดแล้ว ไม่เบลอร์ เพราะถ้ายังเบลอร์ ให้ปล่อยนิ้ว แล้วขยับกล้อง เข้า หรือ ขยับ ออก ให้ได้ระยะโฟกัส ตรงนี้ขอพูดถึงระยะโฟกัสนิดนึง ..กล้องจะมีระยะที่โฟกัสได้ ภาพชัดไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับเลนส์ ตรงนี้รายละเอียดซับซ้อนไม่พูดถึงนะ เอาเป็นว่า กล้องแต่ละรุ่น เลนส์ต่างกัน ระยะโฟกัสก็ต่างกัน เราต้องรู้ระยะโฟกัสว่าห่างขนาดไหน โฟกัสจะชัด และ อีกสาเหตุที่ทำให้โฟกัสไม่ได้คือสีสันของวัตถุ หากพื้นหลัง หรือสิ่งอยู่รอบๆๆวัตถุหรือแบบที่เราจะถ่ายมีสีสันสดใจ ไฉไล เริดกว่า จะดึงดูดความสนใจกล้องให้เบี่ยงเบนไป สิ่งที่เราต้องทำคือ ขยับๆๆๆ หามุม แล้วล๊อกโฟกัสไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเห็นว่ากรอบโฟกัสจับแบบเรา และไม่เบลอร์ ค่อยกดถ่าย

ไม่ง่าย แต่ไม่ยาก ฝีกไปเรื่อยๆๆ ใช้เวลา โอ้ทเองกว่าจะโฟกัสได้นี่ หงุดหงิดเป็นเดือนสองเดือน บางวันไม่จับกล้องเลยก็มี รมณ์ บ่ จอย อะจ้า


3. เมื่อล๊อกโฟกัสแล้ว ดูว่า แบบชัดแล้ว คราวนี้ก็จัดองค์ประกอบภาพ (ไว้เล่าต่อไปในรายละเอียด) พร้อมถ่ายได้

ไม่อยากใช้โหมดอัตโนมัติใช้โหมดไหนดีล่ะ?

กล้องรุ่นที่ไม่มีโหมดปรับอะไรเลย ไม่ต้องกังวล ใช้ตามที่มี ปรับให้เหมาะกับประเภทแบบที่จะถ่ายเป็นพอ และโฟกัสให้เป็น
-ถ่ายคน ปรับไปรูปคน
-ถ่ายดอกไม้(มาโคร ระยะใกล้) ปรับไปรูปดอกไม้
-ถ่ายวิว ปรบไปรูปวิว
-ถ่ายภาพเคลื่อนไหว ปรับไปรูปกีฬา หรือ รูปเด็ก กล้องบางรุ่นจะแยก กีฬา กับ เด็ก ต่างหาก แล้วบางรุ่นยังมี ถ่ายสัตว์ด้วย
-ถ่ายภาพกลางคืน
-ถ่ายพลุ
ฯลฯ

หากมีโหมดไหนที่ไม่ได้พูดถึง เพราะจำได้ไม่หมด ให้จำไว้ว่าถ่ายอะไรให้ปรับไปตามโหมดที่เหมาะสม กล้องจะได้คำนวนค่าต่างๆๆให้เหมาะสม

สำหรับกล้องที่มีโหมดปรับเองได้ ตามนี้เลยจ้า... เล่าตามที่เข้าใจและปฎิบัติล้วนๆๆ ไม่วิชาการมากนักนะ เพราะ อ่านแล้วจะ มีน ตึ๋บๆๆๆ เราจะไม่ใช้โหมดอัตโนมัติแต่ะจะใช้โหมดที่จะเล่าต่อไปนี้ ภาพที่ได้สีสันสวยกว่าโหมดอัตโนมัติ ถ้าปรับได้เหมาะสม... ถ้าไม่เข้าใจสงสัย ถามได้

- Appeture priority (แอพเพเจอร์ ไพออริตี้ ) A หรือ บางรุ่นเป็น AV โหมดนี้ เราปรับค่ารูรับแสงเอง แล้วที่เหลือกล้องจะปรับให้ตามที่กล้องคำนวนว่าเหมาะสม แล้วเมื่อไรจะใช้ดีล่ะ? โหมดนี้ใช้ถ่ายแบบที่ไม่เคลื่อนที่ และในสภาวะที่เราต้องการควบคุมค่ารูรับแสงเอง

สรุปคือ เราปรับค่ารูรับแสงเอง กล้องจะปรับสปีดชัตเตอร์ให้

- Speed shutter priority ( สปีดชัตเตอร์ ไพรออริตี้) T S TV คืดตัวเดียวกัน แต่ละยี่ห้อเรียกต่างกัน โอ้ทจำได้ไม่หมด ถ้าเพื่อนเจออะไรแปลกๆๆ ก็มาถาม บอกต่อได้นะ ตัวนี้ก็ต้องปรับค่าสปีดชัตเตอร์เอง แล้วกล้องจะปรับค่ารูรับแสงให้ตามที่คำนวนว่าเหมาะสม ใช้กรณีไหนดี? ใช้เมื่อต้องการถ่ายหยุดความเคลื่อนไหว เช่นถ่ายนกบิน ถ่ายกีฬา ถ่ายสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหว ปรับเท่าไร บอกตายตัวไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และอัตราเร็วของการเคลื่อนไหวของวัตถุ คนถ่ายภาพจะต้องพิจารณาเอง ใหม่ๆๆ ไม่ต้องเศร้านะถ้าไม่ได้ เพราะกว่าจะประมาณได้เนี่ยต้องถ่ายแล้วถ่ายอีก เป็นร้อยๆ รูป และที่สำคัญอีกเช่นเดิมคือ โฟกัสให้ได้

- Manual (แมนนวล) M ตัวนี้สำหรับคนเก่งแล้ว จะว่าแบบนี้ก็น่าจะได้เน่อะ เพราะต้องปรับเองทุกค่า ควบคุมการทำงานของกล้องเองทั้งหมด กล้องจะทำงานตามสั่ง ไม่ใช้ทำให้เองอัตโนมัติหรือ ส่วนใดส่วนหนึ่ง ภาพที่ได้จะสมใจ หรือ เซ็งไป ก็ขึ้นอยู่ที่ว่าคนควบคุมกล้อง เข้าใจ และ ปรับได้แค่ไหน

พอได้นะ

Wednesday, May 18, 2011

3 ก๊ก คบเป็นเพื่อนสนิทไว้เลยนะ


ติ๋งต่างว่าเพื่อนๆ รู้จัก สนิทสนมกับกล้องตัวเองแล้วน่ะ ว่าปุ่มต่างๆๆ ทำอะไรบ้าง คราวนี้ขอแนะนำ เจ้า 3 ก๊ก ที่เป็นหัวหลักของการถ่ายภาพ (ข้อมูลจากที่อ่านๆๆๆ และ ใช้อยู่ทุกวัน ไม่พ้นไปจาก 3 ก๊ก ที่ต้องปรับ) นั่นคือ ISO (ไอเอสโอ) appeture (แอพเพเจอร์) คนถ่ายรูปเรียกกันติดปากว่าค่า F (เอฟ) หรือที่เรียกกันบ้านๆๆ รูรับแสง นั่นเอง ...และ speed shutter (สปีดชัตเตอร์)

- ISO มีประโยชน์อย่างไรล่ะ? นั่นซิ ถ้าไม่อ่านก็ไม่รู้ ฮ่าฮ่า
เจ้า ISO ช่วยทำให้ภาพสว่างขึ้น ยิ่งปรับเลขมาก ก็ยิ่งสว่างมาก แต่ผลที่ตามมา และไม่เป็นปลื้มของคนถ่ายรูป คือจะมีจุด เม็ดเล็กๆๆๆ อยู่ทั่วทั้งภาพ ภาษาในวงการเรียกเจ้าจุดนี้ว่า noise (น้อยส์) อย่าถามว่าทำไม เพราะโอ้ทก็ไม่รู้ เขาเรียกแบบนี้ก็เรียกตามเขาไป รู้ไว้จะได้ไม่เชย...:-)
แล้วเราจะปรับไว้แค่ไหนดีล่ะ? ถ้าแสงแดดปกติ ไม่ครึ้มก็ปรับไว้ 100 หรือ ถ้ากล้องใครมีค่าต่ำสุดมากกว่า 100 ให้ปรับที่ค่าต่ำสุด แต่กล้องใครไม่มี ปรับไม่ได้ก็ไม่ต้องไปสนใจ อยู่เฉยๆๆ ดีแล้วจ้า ส่วนมากถ้าเป็นกล้อง DSLR ระดับดี ปรับค่าสูงในที่แสงน้อย เช่นในอาคาร เพราะไม่ต้องการใช้แฟลช จะปรับค่า ISO นี่ละช่วยให้ภาพสว่าง ปัจจุบัน มีโปรแกรมแต่งภาพ สามารถลด น้อยส์ ได้ด้วย จะทำให้ภาพเนียนขึ้น ที่บอกว่าไม่ต้องการใช้แฟลชเพราะจากที่อ่านมา (อีก) ภาพที่ถ่ายด้วยแสงธรรมชาติจะดูสวยกว่าใช้แฟลช แต่รายละเอียดการใช้แฟลช โอ้ทยังไม่มีความรู้เพราะยังไม่เคยหาแบบลึกๆๆ เราก็รู้แค่ว่าถ้าไม่จำเป็นเลี่ยงการใช้แฟลชดีกว่า หาแสงธรรมชาติ ภาพจะนุ่มกว่า แต่ถ้าต้องใช้แฟลชให้ปรับระดับที่เหมาะสมกับระยะห่างของภาพ...เอาไว้ตรงนี้พอ แล้วค่อยเล่าเรื่องแฟลชอีกที

- รูรับแสง F หรือ แอพเพเจอร์ เอาไว้รับแสงไง ง่ายๆๆ ...:-) แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าปรับที่เท่าไรดี? ก็ต้องดูโดการวัดแสง ที่เหมาะสมด้วยตาของเราผ่านจอกล้อง ถ้ากล้องมีช่องเล็ก ภาษาวงการเรียก วิวฟายเดอร์ (view finder) โอ้ทจะมองช่องนี้มากกว่าช่อง LCD เพราะรู้สึกว่าเห็นภาพเหมือนจริงมากกว่า อีกอย่าง ถ้าในช่วงแสงแดดจัด เราจะมอง LCD ไม่เห็นเลย แต่ถ้ากล้องใครไม่มี ซึ่งคอมแพคส่วนมากไม่มี่ช่องวิวฟายเดอร์ก็ต้องหาทางมองจอ LCD ให้เห็น ไม่เช่นนั้นวัดแสงลำบาก

ปรับเลขน้อย รูจะใหญ่ กว้าง แสงก็จะเข้ามาได้มาก ปรับเลขมาก รูจะแคบ เล็ก แสงก็จะเข้ามาได้น้อย รู้ไว้ไม่ต้องท่องจำ เพราะถ้ากล้องใครมีปรับหมุนบ่อยๆๆ จะจำได้เองว่าด้านไหนแสงเข้าน้อย ด้านไหนแสงเข้ามาก และจะจำตัวเลขมาก หรือ น้อยได้อัตโนมัติ เพราะได้กับตัวเอง ตอนท่องใหม่ๆๆ มีนถ่ายบ่อยๆๆ ปรับทุกครั้ง รู้เอง

- speed shutter สปีดชัตเตอร์ นี่ก็ง่ายอีก ก็ความเร็วชัตเตอร์ไง อยากได้เร็วมากก็ปรับไปเลขมาก อยากได้เร็วน้อยก็ปรับไปเลขน้อย น่าจะจบ แต่ว่าไม่จบ...แล้วยังไงล่ะ ?

สปีดชัตเตอร์ ข้อแรกใช้เพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของวัตถุ หยุดการเคลื่อนไหวคือ ถ่ายออกมาแล้วไม่เป็นสาย หรือที่เราเรียกกันว่าวิญญาณน่ะ เช่นถ่ายเด็กกำลังวิ่ง ถ้าไม่ปรับให้สูงในระดับที่หยุดความเคลื่อนไหวได้ ก็จะเห็นเด็กไม่ชัด เพราะกำลังวิ่งจะออกมาเป็นสาย หรือ ถ่ายรถในขณะที่เรานั่งอยู่ในรถ เพื่อนๆๆคงมีประสบการณ์นี้มาทุกคน จะเห็นว่ามีสายเส้นๆๆในภาพ นั่้นเพราะรถกำลังวิ่ง...พอเข้าใจไหมน๊า? แต่ถ้าถ่ายแบบนิ่ง ไม่ต้องปรับสูง ปรับให้ได้ตามที่มือเราถือได้ โอ้ทจะปรับที่ 1/60-1/80 (ตัวเลขคืออะไรไว้หาข้อมูลมาบอกอีกทีถ้าอยากรู้ เพราะไม่รู้ละเอียด รู้แต่ว่าตัวเลขหลังคือ กี่วินาทีที่ชัตเตอร์จะทำงาน ยิ่งตัวเลขสูงยิ่งเร็ว)

ผลที่ตามมา ตัวเลขน้อย สปีดชัตเตอร์จะช้า เปรียบเสมือนกระพริบตาช้าๆๆ ทำให้แสงเข้ามาได้มาก แต่ตรงกันข้ามตัวเลขมาก เปรียบเสมือนกระพริบตาอย่างรวดเร็ว ทำให้แสงเข้ามาได้น้อย เพราะปิดเร็วแสงผ่านได้แว่บเดียว ภาพจะมืด

ต่อไป จะเล่าว่า 3 ก๊ก เขาเป็นกิ๊กกัน อย่างไรจ่ะ เพื่อนๆ ไปดูซิว่ากล้องตัวเองมี ครบทั้ง 3 หรือ มีบางตัว

มารู้จักกล้องกันหน่อยดีกว่าเน่อะ

ก่อนจะถลำลึกกว่านี้ มารู้จักกันก่อนว่า กล้องคอมแพค มีทั้งแบบอัตโนมัติ ปรับอะไรไม่ได้เลย กับ แบบกึ่งอัตโนมัติ ปรับได้บ้าง และ แบบอัตโนมือ คือปรับได้ทุกค่าเหมือนกล้อง ใหญ่ DSLR (ดีเอสแอลอาร์) เรียกว่าคอมแพคไลค์ ( compact like) เพราะขนาดเจ้าตัวนี้จะใหญ่ เหมือน DSLR ที่เรียก คอมแพคไลค์ โอ้ทเดาเองว่าย่อมาจาก compact like DSLR

เจ้ากล้องคอมแพคปัจจุบัน พัฒนาไปไกลมาก เพราะมีแบบเปลี่ยนเลนส์ได้แล้ว อีกอย่าง ราคากล้องคอมแพคคุณสมบัติดีๆๆ ราคาไม่ต่างจากกล้องไฮโซ DSLR เลย แถมยังมีอุปกรณ์ให้เล่น ใส่เพิ่มเสริมเข้าไปอีกมาก ถึงบอกว่าต้องรู้จักกล้องตัวเองให้ดีสุดๆๆ จะได้ไม่เกิดปัญหาว่า อ้าว กล้องฉันใส่อันนี้ เสริมได้ด้วยเหรอ ไม่รู้มาก่อน

-กล้องอัตโนมัติคือ กล้องที่ไม่มีปุ่มให้ปรับค่า แต่มีปุ่มที่ปรับได้อัตโนมัติตามประเภท เช่น ถ่ายคน ถ่ายดอกไม้(มาโคร หรือ ระยะใกล้) ถ่ายวิว และ อื่นๆๆ

-กล้องกึ่งอัตโนมัติคือ กล้องที่มีโหมด P ให้ปรับได้ เหมือนกล้องของโอ้ท แต่ก็ปรับได้แค่เลือกประเภทแสง เลือกค่า ISO และอะไรอีก จำไม่ได้ (จ๊ากกกกกกกกกก ) แต่จะปรับ สปีดชัตเตอร์ รูปรับแสงไม่ได้ ซึ่จะเล่ารายละเอียดต่อไป (อย่าใจร้อนนะ อิอิ)

-กล้องอัตโนมือ(เรียกเอง) คือกล้องที่มีโหมด M A S P ด้วย ปรับค่าได้ทุกตัว ซึ่งประเภทนี้คนถ่ายที่เข้าใจพื้นฐานจะถ่ายสนุกมาก และทำให้ภาพออกมามีสีสันสวยกว่า กล้องประเภทอื่น เพราะคนถ่ายควบคุมได้ แต่จะออกมาดีแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของกล้องแต่ละรุ่นด้วย

-กล้องคอมแพคเปลี่ยนเลนส์ได้ ตัวนี้จะลูกเล่นเยอะ เป็นแบบอัตโนมือ และเปลี่ยนเลนส์ได้ แต่เลนส์ส่วนมากจากที่โอ้ทอ่านมาอีก จะเป็นแบบปรับด้วยมือ ไม่แน่ใจว่ามีโฟกัสแบบอัตโนมัติไหม เพราะดูจากยูทูปบางรุ่นมีออโตโฟกัสด้วย



พอจะรู้จักกันแล้วน่ะ แล้วกล้องของเพื่อนๆๆ เป็นกลุ่มไหนน๊า?

ปล. ที่เล่ามาทั้งหมดนี้จากความเข้าใจของตัวเองล้วนๆๆเลย ถ้าเพื่อนติดข้องตรงไหนอยากรู้เพิ่มเติม หาข้อมูลในเนตดูได้เลยจ่ะ แล้วเอามาเพิมเติมกันนะ

รู้จักกล้องตัวเองดีแค่ไหนน๊า?

ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับกล้องของตัวเองให้ดีก่อน ไม่เช่นนั้น จะสื่อสารกัน คุยกันไปคนละเรื่องน่ะ จริงๆๆ สำรวจดูว่ามีปุ่มอะไรบ้าง แล้วแต่ละปุ่มทำอะไรได้บ้าง ถ้าขยันก็เปิดคู่มือทำตามไป แล้วสังเกตุสิ่งที่เกิดขึ้น หรือถ้าไม่ขยันก็เล่นไปโลด แต่ต้องสังเกตุว่าปุ่มที่กดนะมันเกิดอะไรขึ้น ม้นมีคำสั่งให้กล้องทำงานอะไรบ้าง
แน่นอน กล้องแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อแตกต่างกัน ดูของใครของมัน แต่สิ่งที่เหมือนกันคือพื้นฐาน และตัวสำคัญ 3 ตัว จำให้ได้ว่าปรับตรงไหน ISO F speed shutter แต่ถ้ากล้องใครไม่มี หรือ มีไม่ครบก็อย่าตกใจ เพราะกล้องคอมแพคมีแบบอัตโนมัติ กึ่งอัตโนมัติ(เรียกเอง) และ อัตโนมือ(ปรับค่าได้)
วันนี้ แนะนำว่าให้เพื่อนๆๆที่ไม่เคยทำความรู้จักกล้องตัวเองอย่างจริงจัง ไปทำความรู้จักซะนะค่ะ แล้วจะมาบอกต่อ

อ่อนีกได้อีกอย่าง จำยี่ห้อ และรุ่นกล้องที่ใช้ให้ได้ด้วย สะดวกในการหาข้อมูล หรือ เมื่อขอคำแนะนำจากผู้รู้จะได้เจาะจงที่กล้องของเรา เพราะหลายๆคน มีกล้อง แต่ไม่รู้ว่า รุ่นอะไร ยี่ห้อ จำได้ ....ฮ่าฮ่า


ขอบคุณที่มาอ่านจ่ะ
ปล. เมื่อรู้จักกล้องแล้ว อย่าลืมเอาไปให้เพื่อนๆๆ รู้จักกล้องของตัวเองด้วยนะค่ะ

ถ่ายยังไงให้หลังเบลอร์ (เอารูปมาใส่ด้วยนะ)

แอนน์ถามว่า ทำยังไงดีล่ะ กล้องคอมแพคธรรมดาเนี่ย อยากถ่ายคนให้ฉากหลังเบลอร์บ้าง โอ้ทขอตอบจากที่ได้อ่านๆๆๆ แล้วลงมือปฎิบัติแล้ว แต่โชคไม่ดี กล้องคอมแพคโอ้ทซูมได้ไม่เยอะ ไว้รอได้ตัวที่ซูมได้เยอะๆๆ จะเอาผลการทดลองมาให้ดูนะ
ความรู้ที่อ่านมาบอกว่า ฉากหลังจะเบลอร์ได้ดี ต้องใช้การซูมถ่าย แต่ว่าการซูมถ่ายมันก็ไม่ง่าย เพราะเมื่อซูม แน่นอนสิ่งที่ตามมาคือตำแหน่งที่ตัวแบบยืน หรือนั่งก็จะเพี้ยนไป เผื่อนึกภาพไม่อออก แบบนี้น่ะ ค่อยๆๆนึกตามนะเพื่อน..
- เมื่อถ่ายปกติให้คนยืนอยู่จุดที่ต้องการจะถ่ายภาพ เราจะเห็นว่า กล้องจับภาพได้เต็มตัว หรือ เต็มหน้า ใช่มะ
- และเมื่อเราซูม ในตำแหน่งที่คนยืนอยู่ที่เดิม คราวนี้จะเห็นว่า เข้ามาใกล้ แล้วที่เห็นเต็มตัวจะไม่เห็นแล้ว จะเห็นเฉพาะบางส่วน เวลาเราถ่าย ปกติ ก็ต้องจับเฉพาะหน้า หรือ ส่วนที่ต้องการถ่าย ช่าย ป่าว ...พอนึกออกมะ
ที่นี่มาเข้าคำถามของแอนน์...
-ก็ต้องซูมแล้วจับหน้าคน โฟกัสที่ดวงตา แล้ว ต้องสร้างกรอบให้ภาพ คือ เว้น บริเวณ ด้านข้างของภาพไว้ด้วย หรือ ถ้าอยากถ่ายเต็ม ก็ ต้องหามุม ให้เห็นฉากหลัง ที่พ้น หัวของตัวแบบ เราจะได้เห็นว่า ฉากเบลอร์แล้ว
นี่บอกแบบที่ปฎิบัติมาแล้วน่ะ ตั้งกล้องถ่ายตัวเอง แล้วหาตำแหน่งที่หน้ามันเข้าเลนส์ และจับได้พอดี ยาก ค่อดๆ เลยละเพื่อนเอ้ย ถ่ายคนอื่นง่ายกว่าเยอะ แล้วจะหาข้อมูลวิชาการมาแปะให้อีกรอบ
ภาพตัวอย่างที่ถ่ายหลักการนี้จากกล้องไฮโซน่ะ ต้องขอโทษที่ไม่มีภาพกล้องคอมแพคมาให้ ไว้จะลองใช้เจ้าจิ๋วกันน้ำดูว่าพอทำได้หรือเปล่า อ่อ ที่บอกไป ยังไม่ได้เน้นเรื่องปรับแสง หรือ ค่าอื่นๆๆนะ ตอบเฉพาะสิงที่ถาม จะได้ไม่ งง
ภาพตัวอย่าง ต้องสังเกตุดีๆๆ ว่าฉากหลังเบลอร์ ไว้จะถ่ายแบบฉากหลังโล่งๆมาให้อีกทีจะได้เห็นชัดๆๆนะ เพื่อน... แล้วขอบใจที่ถาม และ แวะมาอ่านด้วย ทำให้โอ้ทได้ทบทวนความรู้ ความเข้าใจตัวเองไปด้วย